‘การฝึกสมาธิ’ เป็นการฝึกจิตซึ่งทำได้ง่ายๆในบ้านของเรา อีกทั้งยังไม่ได้เป็นแค่เรื่องของชาวพุทธเท่านั้น หากแต่การฝึกสมาธิ ยังเป็นเรื่องสากลซึ่งสามารถทำได้ทุกเพศ , ทุกวัย , ทุกศาสนา รวมถึงผู้ไม่มีศาสนา การฝึกสมาธิมีประโยชน์อย่างมหาศาล ช่วยให้คุณสามารถจดจำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น ช่วยผ่อนกคลายความเครียด ตลอดจนเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้นอีกด้วย เป็นการฝึกจิตและสติ ควบคุมให้อยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่ง โดยสติมีหน้าที่ระลึกรู้ หลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบว่า การฝึกสมาธิมีมากมายหลายวิธี ถึง 40 แบบ แต่แบบที่ทำได้ง่ายและได้รับความนิยมมากสุด คือ การอานาปานสติ คือ การตามสังเกตรู้ถึงลมหายใจเข้า – ออกนั่นเอง อานาปานสติสามารถฝึกได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกอิริยาบถ ทั้ง นอน , ยืน ,เดินหรือแม้แต่การทำกิจกรรมใดๆก็ตาม และไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์ใดๆ อีกด้วย ส่วนวิธีการเบื้องต้นในการจะฝึกให้ได้ผลออกมาดีที่สุดนั้นจะมีอะไรกันบ้างมาศึกษากันเลยค่ะ
ทำท่าสบายที่สุด
ไม่ว่าจะนั่งหรือนอนก็ทำได้ สำหรับท่านอนเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้มีปัญหาเป็นโรคปวดหลัง จะได้ไม่เป็นการเพิ่มภาระให้แก่หลังมากขึ้น หากแต่จะเป็นท่าอันทำให้หลับง่ายไปเสียหน่อย และบรรยากาศภายในห้องที่เราอยู่นั้น จะต้องไม่ร้อนเกินไปหรือหนาวเกินไป เพราะอาจทำลายสมาธิได้ง่ายๆค่ะ
ไม่จำเป็นต้องปิดตาเสมอไป
อย่างที่บอกว่าการทำสมาธิมีหลากหลายรูปแบบ เพราะฉะนั้นสามารถเปิดตาทำสมาธิก็ได้ เพียงแต่ว่าอย่าให้จิตใจวอกไปแวกมากับสิ่งที่มองเห็นเท่านั้นเอง ทำให้หลายๆคนเลือกปิดตามากกว่าเพราะช่วยลดจุดสนใจไปได้อย่างหนึ่ง
จดจ่ออยู่กับลมหายใจ
กำหนดรู้ว่า นี่คือลมหายใจเข้า นี่คือลมหายใจออก ให้รู้สึกตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ ทำให้ใจไม่วอกแวกไปคิดถึงสิ่งอื่นนอกจากลมหายใจ ถ้าจิตใจเกิดวอกแวกก็ไม่ต้องเครียดหรือกดดันตัวเอง ให้รีบดึงจิตกลับมาแล้วจดจ่อใหม่อีกครั้ง
ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ หมั่นดึงจิตกลับให้อยู่กับมาหาตัว สมาธิก็จะเกิดขึ้นตามระยะเวลาที่ทำ สำหรับผู้ฝึกเริ่มต้นให้เริ่มจากวันละ 5 – 10 นาทีก่อน แล้วจึงค่อยๆเพิ่มเวลาไปเรื่อยๆ คุณจำเป็นต้องเลือกสถานที่ทำสมาธิ ไม่ทำให้จิตใจฟุ้งซ่านมากจนเกินไป ควรเลี่ยงสถานที่มีสิ่งเร้ามากเกินไปจะดีกว่า เมื่อคุณทำสมาธิด้วยความรู้สึกสบาย สงบ คุณก็ย่อมอยากจะอยากนั่งต่อไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ‘ทำด้วยความสบาย’ อย่ากดดัน อย่าเร่ง แล้วการฝึกสมาธิก็จะเป็นเรื่องสนุกไปเอง