การเตรียมอาหาร – จะต้องเป็นข้าวปากหม้อที่ยังไม่ได้มีคนทานก่อนหน้านี้และจะต้องมีอาหารคาวและของหวาน ที่จะมีการคัดสรรวัตถุดิบและเครื่องปรุงต่างๆ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต้องเป็นของที่หายากหรืออาจจะเป็นของแปลกๆ ที่เอาไว้ถวายพระทำให้ได้บุญทั้งตัวเองและครอบครัว พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ในเทศกาลต่างๆในช่วงนั้นเช่นสงกรานต์ ตรุษไทย สารท จะต้องมีการทำอาหารที่วัดเพื่อเป็นการสร้างสิ่งที่ดีให้กับตัวเราเอง และต้องเป็นของหรืออาหารที่ทำเป็นพิเศษ และไม่เหมือนตอนธรรมดามีการจัดเตรียมสำรับของคาวกับของหวานแยกกันสำรับของคาวนั้นมีประมาณ 5 – 6 อย่าง ที่จะมีทั้งแกง เนื้อสัตว์ดีๆและใส่ฝาปิดมิดชิดและจะมีการเรียงใส่ถาดและมีฝาปิดมิดชิด ใส่ถาดพอดีจะเรียกว่า 1 ชุดสำรับ
บ้านสวน – บ้านสวนจะต้องมีพื้นที่ใหญ่กว้างและมีความอุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่จะต้องมีนาข้าวพืชผักสวนครัว ผลไม้ สมุนไพรรักษาโรค และสัตว์น้ำเช่นปลา กบ ตามคลอง บึง หรือบ่อ ที่นาจะต้องปลูกข้าวไว้ทำกินเอง ข้าวที่เก็บเกี่ยวได้เมื่อนำมาหุงจะต้องหุงขึ้นหม้อแล้วเม็ดข้าวไม่แข็งจะต้องนุ่มน่ารับประทาน และบ้านสวนในสมัยนั้นจะมีการเก็บเกี่ยวเอามาขายในตัวเมืองโดยการนำข้าวสารใส่กระบุงหาบโดยการเดินเท้าเข้าตัวเมือง และเข้าตลาดไปขายทุกวันชาวบ้านตามที่นานั้นทำแบบนี้กันเสมอและทำกันมานานโดยระยะทางที่จะเดินจากที่บ้านสวนไปถึงตลาดในตัวเมืองนั้นจะไกลตั้งแต่ 7 กิโลเมตร ขึ้นไปและใช้การเดินเท้าเป็นหลัก
การเดินทาง – เหตุการณ์เมื่อ 70 ปี ก่อนหน้านี้เราจะเห็นภาพคนหรือชาวบ้านที่อยู่ตามบ้านสวนเดินหาบข้าวหาบผัก ปลามาขายในตัวเมือง เริ่มต้นในตอนเช้ามืดชาวบ้านจะเริ่มหาบข้าวสารที่เก็บมาได้ตั้งแต่เช้าเรียกว่าพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลย เพราะกว่าจะเดินถึงก็จวนเช้าตรู่พอดีซึ่งนอกจากข้าวแล้วก็ยังมีผลผลิตต่างๆวางอยู่บนข้าวสารมากมายเท่าที่ชาวบ้านจะหามาได้ อย่างไข่เป็ด ปลาย่างปลาเผา ผักผลไม้มากมายหลายชนิดแล้วตามฤดูกาล
ภาษาในการสื่อสาร – มีสำเนียงและมีภาษาเฉพาะตัวในช่วงยุคสุโขทัยสำเนียงจะคล้ายๆเหมือนกันกับจังหวัดที่อยู่ละแวกใกล้เคียง อย่างพิษณุโลก กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ แต่ว่าภาษาของสุโขทัยนั้นจะมีสำนวนและคำที่ไม่เหมือนใคร ปัจจุบันเราเลยได้ยินเขาเรียกว่าภาษาสุโขทัยโดยการที่เราอาจจะมีปู่ย่าตายายเป็นคนจังหวัดสุโขทัยก็อาจจะติดสำเนียงสำนวน และคำมาพูดจนถึงทุกวันนี้แต่คนในเมืองนั้นจะมีการพูดภาษาไทยแบบดั้งเดิมทั่วไปเหมือนที่เราได้ยินกันนี่แหละ
อุปกรณ์ในสมัยก่อน – ในสมัยก่อนจะมีการใช้อุปกรณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม ถ้วย หม้อ จะเป็นในลักษณะทำมาจากเครื่องปั้นดินเผา หรืออาจจะเป็นโลหะก็แล้วแต่ฐานะความร่ำรวย คนรวยมีสตางค์หน่อยก็จะใช้เป็นโลหะ ซึ่งเครื่องปั้นดินเผานั้นถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ หมิง ที่สร้างมาเป็นกระปุกเล็กๆสีน้ำตาลออกแดงๆ และมีเครื่องถ้วยที่เป็นลายสีคราม ลายสีน้ำเงินเป็นพื้นผิวซึ่งสวยงามมากปัจจุบันหายากมากเป็นของมีมูลค่าหาซื้อกันเยอะแยะมากมาย
ทันสมัยมากสักหน่อย ก็เป็นช่วงสมัย 1990 s’ คนในสมัยนั้นไม่ได้ ไม่ได้มีเทคโนโลยีเมื่อตอนนี้ ถ้าอยากจะเดินทาง ส่วนมากคนในสมัยนั้นก็อาจจะต้องปั่นจักรยาน หรือขี่รถเครื่องหรือที่เราเรียกกันว่า มอเตอร์ไซต์ ไม่ว่าจะทำงานหรือไปเที่ยว คนที่ไม่มีรถของตัวเองก็อาจจะต้องไปนั่งรถสองแถว หรือรถเมล์ประจำทาง เพื่อเป็นการเดินทาง ยังไม่มีรถไฟฟ้า มีแต่รถไฟหัวไอน้ำปู้นๆ ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เมื่อเราเดินทางไป ต่างจังหวัด ในเรื่องของ ข้าวของเครื่องใช้นั้น พวกสบู่ ยาสีฟัน หรือน้ำยาซักผ้า ก็จะมีความทันสมัยมากขึ้นแต่ทันสมัยในสมัยนั้นนะ พวกเครื่องสำอาง หรือเสื้อผ้าก็จะเป็นตามช่วงยุคสมัยของตอนนั้นในตอนนั้นกำลังฮิตพวกเอลวิสที่มีการแต่งตัววินเทจใส่รองเท้าหนังกางเกงสแล็คเสื้อโปโลตัวผมนี่ต้องเสยผมขึ้นไว้จอนยาวเหมือนเอลวิสส่วนสาวๆก็จะเป็นชุดคล้ายชุดแซ็กซ์กระโปรงบานๆใส่ส้นสูงหรือส้นเข็ม ไว้ผมยาวและจอนจะต้องม้วนวนๆแต่งหน้าทาปากแดงแก้มอมชมพูนิดๆพองาม